เมนู

เป็นผู้ประกอบด้วยวรรณะทั้งที่เป็นทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ เป็นผู้ประกอบ
ด้วยสุขทั้งที่เป็นทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ เป็นผู้ประกอบด้วยยศทั้งที่เป็นทิพย์
ทั้งที่เป็นของมนุษย์ เป็นผู้ประกอบด้วยความเป็นใหญ่ทั้งที่เป็นทิพย์ ทั้งที่
เป็นของมนุษย์ ดูก่อนนันทกะ ก็เราได้ฟังแต่สมณะหรือพราหมณ์อื่น จึงกล่าว
เรื่องนั้น หามิได้ ความจริง เรารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง จึงกล่าวเรื่องนั้น.
[1583] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว บุรุษคนหนึ่งได้
กล่าวกะมหาอำมาตย์ของเจ้าลิจฉวีชื่อนันทกะว่า ถึงเวลาอาบน้ำแล้ว ท่าน
ผู้เจริญ นันทกะมหาอำมาตย์กล่าวว่า ดูก่อนพนาย บัดนี้ยังไม่ต้องการอาบน้ำ
ภายนอก ต้องการจักอาบน้ำภายใน คือ ความเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า.
จบลิจฉวีสูตรที่ 10
จบสรกานิวรรคที่ 3

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ


1. ปฐมมหานามสูตร 2. ทุติยมหานามสูตร 3. โคธาสูตร 4. ปฐม
สรกานิสูตร 5. ทุติยสรกานิสูตร 6. ปฐมทุสีลยสูตร 7. ทุติยทุสีลยสูตร
8. ปฐมเวรภยสูตร 9. ทุติยเวรภยสูตร 10. ลิจฉวีสูตร และอรรถกถา.

ปุญญาภิสันทวรรคที่ 4



1. ปฐมอภิสันทสูตร



ว่าด้วยห้วงบุญกุศล 4 ประการ



[1584] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญ ห้วงกุศล
อันเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความสุข 4 ประการนี้ 4 ประการเป็นไฉน อริยสาวก
ในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า
แม้เพราะเหตุนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้จำแนกธรรม
นี้เป็นห้วงบุญ ห้วงกุศล อันเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความสุขประการที่ 1 อีก
ประการหนึ่ง อริยสาวกประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
นี้เป็นห้วงบุญ ห้วงกุศล อันเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความสุขประการที่ 2 อีก
ประการหนึ่ง อริยสาวกประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์ว่า
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ฯลฯ เป็นนาบุญ
ของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า นี้เป็นห้วงบุญ ห้วงกุศล อันเป็นปัจจัยนำมา
ซึ่งความสุขประการที่ 3 อีกประการหนึ่ง อริยสาวกประกอบด้วยศีลที่พระ-
อริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ฯลฯ เป็นไปเพื่อสมาธิ นี้เป็นห้วงบุญ ห้วงกุศล
อันเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความสุขประการที่ 4 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญ
ห้วงกุศล อันเป็นปัจจัยนำมาซึ่งความสุข 4 ประการนี้แล.
จบปฐมอภิสันทสูตรที่ 1